ตลาดหุ้นเอเชียขยายตัวต่อเนื่องจากกระแสคาดการณ์ Fed

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ดัชนี MSCI Asia-Pacific (ไม่รวมญี่ปุ่น) เพิ่มขึ้น 0.6% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่นดีดกลับ 0.5% หลังจากร่วงแรงเมื่อต้นสัปดาห์ ตามรายงานของ Reuters การปรับตัวขึ้นครั้งนี้เกิดจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่งและข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐที่อ่อนตัวลง ซึ่งเสริมความเชื่อมั่นว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินกำลังใกล้เข้ามา

"มีสัญญาณความอ่อนแอในบางภาคของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งอาจหมายความว่า หากไม่ใช่ในเดือนกันยายน อย่างน้อยภายในปีนี้ Fed ก็ยังมีแนวโน้มที่จะลดดอกเบี้ยได้ถึงสองครั้ง" โรดริโก คาทริล นักกลยุทธ์ด้านสกุลเงินอาวุโสจากธนาคารแห่งชาติออสเตรเลีย กล่าว

ความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นเอเชียสะท้อนความเคลื่อนไหวในวอลล์สตรีท ที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Nvidia และ Meta พุ่งขึ้น เครื่องมือ CME Fedwatch บ่งชี้ว่าความน่าจะเป็นที่ Fed จะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นเป็น 94% จากเพียง 63% เมื่อสัปดาห์ก่อน

ภาคบริการของจีนโดดเด่น

แม้ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียจะปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยรวม แต่ภาคบริการของจีนกลับโดดเด่นที่สุด โดยขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 14 เดือน ดัชนี S&P Global China Services PMI ปรับขึ้นเป็น 52.6 ในเดือนกรกฎาคม สวนทางกับผลสำรวจของทางการที่ลดลง คำสั่งซื้อส่งออกใหม่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและภาวะการค้าโลกที่มีเสถียรภาพมากขึ้น

• ดัชนีบริการ PMI: 52.6 (เพิ่มจาก 50.6 ในเดือนมิถุนายน)
• ดัชนี Composite PMI: 50.8 (ลดลงจาก 51.3)
• คำสั่งซื้อส่งออกใหม่เพิ่มขึ้นครั้งแรกตั้งแต่เดือนเมษายน

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมยังคงเปราะบาง นักวิเคราะห์เตือนว่าการส่งออกที่อ่อนแอ ราคาที่ลดลง และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา อาจฉุดรั้งการเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปี

ปริศนาการใช้จ่ายของออสเตรเลีย

การใช้จ่ายของครัวเรือนในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% ในเดือนมิถุนายน ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าการใช้จ่ายในสินค้าจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่สามารถชดเชยการลดลงของการใช้จ่ายในบริการได้ ข้อมูลนี้สะท้อนถึงผลกระทบที่ไม่สม่ำเสมอของการลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA)

1. การใช้จ่ายสินค้าพุ่งขึ้น 1.3% (ยานพาหนะ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์)
2. การใช้จ่ายบริการลดลง 0.5% (การท่องเที่ยว การรักษาพยาบาล)
3. อัตราการเติบโตประจำปีเร่งขึ้นเป็น 4.8%

แม้ตัวเลขจะไม่โดดเด่น แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับดีขึ้นในเดือนกรกฎาคม แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางปี 2022 ตลาดการเงินกำลังคาดการณ์อย่างเต็มที่ว่า RBA จะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนสิงหาคม

น้ำมันและตลาดเงินตอบสนอง

ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงซบเซา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานล้นตลาด ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทรงตัวที่ 68.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบสหรัฐลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 66.28 ดอลลาร์ ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน อยู่ที่ระดับ 146.96 เนื่องจากนักลงทุนหันไปถือสินทรัพย์ปลอดภัย

ยูโรทรงตัวที่ 1.1572 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับขึ้นเล็กน้อย 0.1% หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 2 วัน ตามข้อมูลจาก Yahoo Finance เทรดเดอร์ในตลาดเงินกำลังจับตาถ้อยแถลงของ Fed อย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับจังหวะการลดดอกเบี้ย

แนวโน้มตลาดหุ้นเอเชีย

การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นเอเชียสะท้อนความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และปัญหาในห่วงโซ่อุปทาน การขู่เก็บภาษีนำเข้าครั้งใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่ออินเดียจากการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เป็นเครื่องเตือนถึงความไม่แน่นอนในสงครามการค้า

นักลงทุนจะจับตารายงานผลประกอบการจากบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Disney และ Caterpillar รวมถึงตัวชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐและยุโรป สำหรับตอนนี้ แนวโน้มของดัชนีตลาดหุ้นเอเชียยังคงเป็นขาขึ้น แต่ความผันผวนอาจกลับมา หากความคาดหวังต่อ Fed เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน